เจ้าหน้าที่ตำรวจจากสถานีตำรวจนครบาล (สน.) ทางด่วน 2 เผยเมื่อวันพฤหัสบดี (14 ก.ย.) ว่า ชายชาวจีน อายุ 36 ปี ผู้ต้องสงสัยลักพาตัวหญิงสัญชาติเดียวกัน ที่สกัดจับได้บริเวณทางลงทางด่วนพระราม 9 เมื่อช่วงบ่ายวันเดียวกันนั้น มีบัตรอนุญาตทำงานของคนต่างด้าวในราชอาณาจักรกัมพูชา ซึ่งบัตรดังกล่าวทำตั้งแต่วันที่ 25 เม.ย. และจะหมดอายุสิ้นปีนี้
ข้อมูลจากพาสปอร์ตชายคนนี้พบว่ามาจากมณฑลเหอหนาน สาธารณรัฐประชาชนจีน (จีนแผ่นดินใหญ่)
การเปิดเผยข้อมูลนี้เกิดขึ้นหลังจากเกิดอุบัติเหตุรถยนต์ชนกันบริเวณก่อนทางลงทางด่วนพระราม 9 มุ่งไปทางสามเสนใน ระหว่างรถนั่งส่วนบุคคลยี่ห้อโตโยต้า รุ่นฟอร์จูนเนอร์ สีขาว ป้ายทะเบียน กน 2752 ศรีสะเกษ และยี่ห้อโตโยต้า รุ่นยาริส สีเทา ป้ายทะเบียน 6กฏ 8475 กรุงเทพมหานคร ซึ่งชายชาวจีนคนนี้ขับรถรุ่นยาริส
เมื่อตำรวจที่ด่านอโศก 4 เดินทางถึงพบว่ามีหญิงชาวจีนถูกมัดมือมัดเท้าด้วยเชือก จึงสันนิษฐานว่าน่าจะเป็นลักพาตัว จึงนำตัวมาสอบสวนที่ สน.ทางด่วน 2
นายสมพงษ์ สีสด อายุ 33 ปี พนักงานโรงงานกล่องกระดาษ กล่องกระดาษลูกฟูก ที่ขับรถรุ่นฟอร์จูนเนอร์ เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุรถของตนอยู่เลนที่ 2 นับจากเกาะกลางทางด่วน และติดจอดนิ่งอยู่ท้ายแถวบริเวณใกล้ทางลงพระราม 9 ใกล้โรงพยาบาลปิยะเวท ปรากฏว่ารถรุ่นยาริสคันนี้ขับพุ่งมาชนบริเวณท้ายรถของตนด้วยความเร็วปกติ คาดว่าเบรกไม่ทัน จึงลงมาดูสภาพรถพร้อมกับคู่กรณี
ผู้ขับรถรุ่นฟอร์จูนเนอร์ เล่าอีกว่า ระหว่างที่ดูรอบรถอยู่นั้น ชายชาวจีนไม่ได้มีท่าทีร้อนรนหรือโมโห ก่อนใช้ Google Translate (กูเกิล ทรานสเลต) แปลภาษาบอกกับตนว่าขอคิดค่าเสียหายและจะจ่ายเงินสดให้เพื่อจบเรื่อง แต่ตนขอคุยผ่านประกันดีกว่า และให้ต่างฝ่ายต่างเรียกประกันของตนมา
ต่อจากนั้น ตนก็เดินไปกดสัญญาณเรียกเจ้าหน้าที่กู้ภัยทางด่วนที่ตู้ข้างทาง ก่อนจะขึ้นไปนั่งบนรถเพื่อโทรเรียกประกัน ซึ่งตอนนั้นตนก็ไม่ทราบเหตุการณ์บริเวณด้านล่างแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง ต่อมาเจ้าหน้าที่กู้ภัยทางด่วนก็เดินทางมาถึงพร้อมกับพารถของตนและรถของชายชาวจีนลงไปบริเวณด้านล่างทางด่วน เมื่อลงไปได้อีกสักพักหนึ่ง ก็มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ทางด่วน 2 เดินทางมาถึง ซึ่งตนก็เข้าใจว่าน่าจะมาช่วยไกล่เกลี่ยสถานการณ์และพาตนกับคู่กรณีไปพูดคุยกันที่สน
ปรากฏว่า ทันทีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเดินทางมาถึง ก็จับรวบตัวชายชาวจีนคนดังกล่าวทันที ทำให้ตอนนั้นตนตกใจอย่างมากว่าเกิดอะไรขึ้น จนมาทราบจากเจ้าหน้าที่ตำรวจภายหลังว่า ในระหว่างที่ตนนั่งอยู่ในรถเพื่อโทรเรียกประกันนั้น ปรากฏว่ามีหญิงชาวจีนคนหนึ่ง วิ่งลงมาจากรถและเรียกแท็กซี่ที่อยู่บนทางด่วนเพื่อขอความช่วยเหลือ ทำให้ตนยิ่งตกใจเข้าไปใหญ่ว่า รถ Toyota Yaris ของชาวจีนคนนี้นั้น ได้พาผู้หญิงมาด้วย เพราะในระหว่างที่ตนกับคู่กรณีอยู่บนทางด่วนและกำลังตรวจสอบรถอยู่นั้นก็ไม่เห็นว่าจะมีพิรุธหรือจะสังเกตเห็นว่ามีผู้หญิงชาวจีนอยู่ภายในรถ แม้กระทั่งจะเปิดกระจกรถออกมานั้นก็ไม่สังเกตเห็นแต่อย่างใด
ทั้งนี้ ตนไม่สังเกตเห็นว่า ชายชาวจีนคนดังกล่าวจะมีพิรุธ มีอาการเมาสุรา หรืออารมณ์ร้อนรนแต่อย่างใด เห็นว่าชายชาวจีนคนนี้ทุกอย่างเป็นไปตามปกติก่อนจะถูกตำรวจรวบ โดยหลังจากนี้ จะให้ทางอู่ซ่อมรถ เป็นผู้ประเมินค่าความเสียหายของรถของตน ซึ่ง ณ ขณะนี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่แจ้งว่าให้ตนเป็นพยานในคดีแต่อย่างใด