วันที่ 14 ตุลาคม 2565 สื่อโซเชียลเผยคลิบ เจ้าหน้าที่ตำรวจ อส.ร่วมกตัญญู พุทธมณฑล ไล่ล่ากระบะคลั่ง ชนรถประชาชนเสียหายหลายคัน หลบหนีการจับกุมยิ่งใส่เจ้าหน้าที่สุดท้ายไปไม่รอด ถูกรวบตัวได้ทันควัน 2 ราย โดยพบว่าในรถมีกระสุนปืน 50 นัด และยาบ้าอยู่ในถุงสุญญากาศ ถุงซีลสูญญากาศ จำนวน 2 เม็ด โดยขณะนี้ยังอยู่ในระหว่างการสอบสวนขยายผล
โดยในคลิบเป็นภาพที่ถูกจากจากรถของเจ้าหน้าที่อาสาสมัครกู้ภัยมูลนิธิร่วมกตัญญู จุดพื้นที่อำเภอพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม ซึ่งกำลังไล่กวดตามรถกระบะยี่ห้ออีซูซุ สีบรอนซ์เงิน ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ซึ่งกำลังหลบหนีการติดตามจับกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พุทธมณฑล บนถนนศาลายา-นครชัยศรี โดยมีร่องรอยการชนหลายจุด ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้มีการแจ้งวิทยุเพื่อให้รถที่กำลังไล่ล่าติดตามระมัดระวังเนื่องจากคนร้ายเพิ่งก่อเหตุเฉี่ยวชนรถคู่กรณีมาหลายคนและมีการยิงใส่เจ้าหน้าที่กู้ชีพและเจ้าหน้าที่ตำรวจมาแล้ว โดยหวั่นจะมีการสูญเสียจากคนร้ายที่คาดว่าน่าจะเกิดอาการคุ้มคลั่งอยู่ และคลิบได้ตัดจบไป ก่อนที่จะมีการจับกุมคนร้ายได้ 2 รายและมีภาพชายคนขับถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมไว้ได้ในคืนวันเดียวกัน โดยปรากฏมีภาพรถยนต์หลายคนที่ถูกชายคนดังกล่าวขับชนในช่วงการไล่ล่าตัว
ซึ่งหลังจากการจับกุมได้มีการสอบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทราบว่า คนร้ายที่จับกุมตัวได้คือนายชะเอม อายุ 54 ปี ต.บ้านหลวง อ.ดอนตูม จ.นครปฐม ปัจจุบันอาศัยอยู่กับภรรยาที่อำเภอนครชัยศรี ซึ่งก่อนเกิดเหตุ ทราบว่านายชะเอม ได้ขับรถกระบะคันที่ก่อเหตุมาพร้อมกับรถกระบะอีซูซุ ทะเบียน 9292 กรุงเทพ ซึ่งมีภรรยานั่งมาด้วยอีก 1 คันและได้ไปเฉี่ยวชนกับรถกระบะโตโยต้า 4 ประตู ของนางสาวสมใจ โพธิ์สุวรรณพยาบาลโรงพยาบาลพุทธมณฑล ก่อนจะลงมามีปากเสียงกันสุดท้าย นายชะเอมได้ขับรถหลบหนีออกมาพร้อมกับรถที่มีภรรยานั่งมาด้วย ซี่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการวิทยุให้ช่วยสกัดจับกุมเพราะมีพฤติกรรมหลบหนี
ซึ่งเมื่อนายชะเอมได้ขับรถหลบหนี เจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู ได้มีการวิทยุเพื่อให้เครือข่ายได้ช่วยกันติดตามแต่พบว่าเมื่อเจ้าหน้าที่ได้พบรถของนายชะเอมได้พยายามขับกวดให้จอดแต่นายชะเอมไม่ยินยอมและได้ขับขี่ไปชนจักรยายนต์ประชาชนอีก 2 คัน ก่อนที่จะกลับรถวนอยู่บนถนนดังกล่าว ทางเจ้าของรถจักรยานยนต์และเจ้าหน้าที่ได้นำรถที่ถูกชนมาจอดขวางเพื่อให้หยุด โดยตำรวจได้ดึงตัวคนที่นั่งด้านคนขับมาได้ 1 คนเป็นสามทอม ทราบอีกที่ว่าเป็นแฟนของลูกสาวนายชะเอม แต่ช่วงชุลมุน นายชะเอมได้ใช้อาวุธปืนยิงใส่กลุ่มเจ้าหน้าที่และตำรวจ 3-4 นัด ช่วงนั้นมีรถกระบะอีซูซุที่ภรรยาของนายชะเอมนั่งมาด้วยได้ขับมาประกบด้านข้าง นายชะเอมจึงได้โยนอาวุธปืนทิ้งใส่ที่ท้ายกระบะ ก่อนจะขับแหวกวงล้อมออกมาได้
จากนั้นก็ได้หลบหนีวงล้อมก่อนจะไปชนกับรถของอาสาสมัครและรถของเจ้าหน้าที่ตำรวจ รวมรถที่ถูกชนไปทั้งหมด 4 คันโดยมีรถของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ถูกชนไปด้วย กระทั่งนายชะเอม ได้เห็นซอยเปลี่ยนจึงได้เลี้ยวรถเข้าไปแต่กลายเป็นทางตัน นายชะเอมได้ทิ้งรถและวิ่งหนีลงไปในสวนที่มีความมืดโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจและอาสามัครได้วิ่งกวดตามกันไปอย่างกระชั้นชิด แต่จู่ ๆก็มีเสียงปืนยิงสวนออกมา 5-6 นัด ทำให้ทุกคนต้องก้มหลบหาที่กำบังกันอีกครั้ง โดยสักพักใหญ่ นายชะเอมเห็นว่าหลบไม่ได้แล้วจึงได้เดินออกมารอมอบตัวที่รถกระบะของตนเองก่อนจะถูกจับกุมในที่สุด โดยในรถเจ้าหน้าที่ค้นพบกระเป๋าที่ใส่กระสุนปืนขนาด .38 ไว้จำนวน 50 นัดจึงได้ควบคุมตัวพร้อมของกลางนำไปทำการสอบสวนเพื่อเป็นหลักฐาน ที่สภ.พุทธมณฑล
นายสุทธเกียรติ อาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู เล่าเหตุการณ์ดังกล่าวให้พฟังว่า ตนเองเป็นเจ้าของรถกู้กระบะโยต้า ไมตี้เอ็กซ์ ซึ่งดัดแปลงเป็นรถกู้ชีพร่วมกตัญญู หนึ่งในรถที่ถูกชนจนเสียหายยับเยิน โดยในเหตุการณ์ตนเองกำลังจะเข้าบ้านและได้รับการแจ้งทางวิทยุว่ามีคนขับรถชนกันและได้หลบหนีมาบนถนนสายนี้ ซึ่งตนเองได้วนรถกลับมาเพื่อติดตามจนพบรถคนร้าย ซึ่งได้พยายามเข้าสกัดให้หยุดแต่คนร้ายไม่หยุดและพยายามขับรถพุ่งชนและให้รถของตนเองชนจนพังเสียหาย ก่อนจะหลบเข้าซอยเปลี่ยวที่มีทางตันและมีการยิงปืนเข้าใส่และถูกจับกุมในที่สุด โดยเบื้องต้นตนเองได้ยินสาวทอมที่ถูกจับคนแรก บอกว่าเป็นแฟนลูกสาวนายชะเอม ซึ่งได้พูดว่า นายชะเอมมีอาชีพค้าขายปืน ซี่งถือว่าน่ากลัวมากในเหตุการณ์
ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวได้ติดตามเบื้องต้นทราบว่าตอนนี้ทางญาติได้เข้าพบกับนายชะเอม ที่สภ.พุทธมณฑล โดยแหล่งข่าวอ้างว่ามีการนำยาและบัตรรับการรักษาอาการทางจิตของนายชะเอม มายื่นให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อยืนยันว่ามีอาการป่วย แต่ยังไม่ได้รับการยืนยันและยังมีการสอบสวนเพื่อหาข้อเท็จจริงต่อไปว่าสาเหตุที่เกิดเหตุคลั่งทั้งขับทั้งยิงใส่รถของเจ้าหน้าทีในคืนดังกล่าวมีสาเหตุใดและมีอาการป่วย มึนเมา หรือมีสารเสพติดหรือไม่